in Article

ทำไมนักศึกษาควรพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ตอนที่ 2

คราวที่แล้วได้อธิบายเหตุผล 3 ข้อที่คุณได้แน่นอนจากการพัฒนาหรือเข้าร่วมโครงการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สไป แล้ว สำหรับบทความในตอนนี้เป็นวิธีการนำเสนอหรือใช้ประสบการณ์ที่ได้รับในการ สมัครงาน ถ้าเป็นนักศึกษาจบใหม่สิ่งแรกที่คุณจะต้องได้รับคือประสบการณ์จากการศึกษา นั่นคือคุณจะต้องจบการศึกษาเนื่องจากผู้จ้างงานจะพิจารณาคุณสมบัติทางการ ศึกษาเป็นอันดับแรก หากท่านเคยทำงานที่อื่นมาก่อนการพิจารณาคุณสมบัติทางการศึกษาจะน้อยลงไป (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้จ้างงานจะพิจารณา) สำหรับการเขียน resume นำเสนอตัวคุณเอง และประสบการณ์การพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ส่งที่จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาการจ้างงานคือ ทักษะ, ประสบการณ์, การอ้างอิง และข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ลองมาดูกันกันครับ
บริษัทส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่ที่จะทำหน้าที่ ตรวจสอบ resume อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วน HR หรือเจ้าหน้าที่ส่วนงานที่คุณจะต้องเจ้าไปทำดังนั้นการนำเสนอข้อมูลด้าน ทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณจะต้องทำเป็นเรื่องที่คุณจะต้องเขียนลงใน resume แล้วคุณจะเขียนอะไรลงไป? หากนึกไม่ออกให้คุณนึกถึงคำถามต่อไปนี้ คุณใช้ระบบควบคุมเวอร์ชั่นชื่ออะไร? ใช้ IDE อะไร? ภาษาที่คุณถนัดหรือเคยเขียน? ใส่ความชำนาญเขาไปในแต่ละทักษะจะทำให้ resume ของคุณบ่งบอกถึงตัวคุณเองได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ใช้ git และ mercurial เป็นระบบ version control นอกจากทักษะด้านการใช้เครื่องมือคุณยังสามารถเพิ่มข้อมูลด้านทักษะอื่นๆ จากการพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สได้อีก เช่น สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้, ทำงานร่วมกับอาสาสมัครได้เป็นจูงใจการทำงานของอาสาสมัคร, เขียนระยะเวลาหรือประสบการณ์การ maintainance ซอฟต์แวร์ที่คุณร่วมพัฒนาใน ด้านประสบการณ์การพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกับโครงการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สจะช่วย ให้คุณได้งานอย่างไร? อย่างแรกที่ต้องทำคือต้องมีเอกการที่แจ้งผู้ว่าจ้างให้ทราบได้ว่าคุณได้มี การพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกับโครงการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สอย่างไรบ้าง เช่น Q.A. 7 แพคเกจ ดังต่อไปนี้… เป็นต้น การนำเสนอข้อมูลเชิงสถิติก็สามารถช่วยคุณได้เช่นกัน เช่น ใช้เวลาจำนวน X ชั่วโมงในทดสอบ.., Q.A. จำนวน N แพคเกจในโครงการ X หรือโครงการ Foo ใช้นักพัฒนา 50,000 คน และองค์กรอย่าง Sun, IBM ใช้ซอฟต์แวร์หรือพัฒนาซอฟต์แวร์ FooBar จากโครงการ Foo เป็นต้น คุณควรอธิบายให้ชัดเจนในสิ่งที่คุณทำในโครงการนั้นๆ เช่น แก้บัก X ซึ่งเป็นบักร้ายแรงและเป็นปัญหาในการออกเวอร์ชัน XX ของโครงการ YY เป็นต้น ข้อมูลใน resume มักจะให้อธิบายตำแหน่งงานที่คุณทำมักเกี่ยวข้องกับประสบการณ์แต่ส่วนใหญ่ โครงการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สไม่ได้กำหนดตำแน่งงานให้กับนักพัฒนาอิสระที่อยู่ ในโครงการ อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้คำสั้นๆ อธิบายตำแหน่งงานของคุณได้ อย่าใช้เพียงคำว่า “อาสาสมัคร (volunteer)” ให้ใช้คำว่า “นักพัฒนา” หรือ “ผู้แต่ง” ก็สามารถอธิบายตำแหน่งงานของคุณได้ ตัวอย่างเช่น QA volunteer หรือ QA core team member จะทำให้คุณมีตำแหน่งงานและดูดีขึ้น
เอาล่ะ ถ้าโครงการซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สของคุณทำงานได้ดีมีผู้ใช้เยอะนั่นอาจทำให้คุณ ได้รับการคัดเลือกโดยไม่ต้องทดลองงานเลยก็ได้ แต่แหมคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับเพราะใน resume ของคุณเองต้องระบุแหล่งอ้างอิง (referance) และแหล่งอ้างอิงนี้จำเป็นมาก วิธีการง่ายๆ คุณสามารถใช้เครื่องมือเครือข่ายสังคมอย่าง LinkedIn หรือ Xing ช่วยในการนำเสนอตัวคุณและใช้ในการอ้างอิงได้เช่นกัน เอาล่ะเท่านี้ resume ของคุณก็สามารถอ้างอิงได้แล้ว
รวมลิงค์

  • Related Content by Tag