เก็บตกประชุมประกวดสร้างสื่อการเรียนรู้สู่แท็บเล็ต

เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุให้ต้องเข้าประชุมแทนท่านที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวง ICT เลยมีข่าวสารมาช่วยประชาสัมพันธ์เล็กน้อยเพื่อการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่สนใจเข้าประกวดสร้างสื่อการเรียนรู้สู่แท็บเล็ตครับ ที่ประชุมกำหนดกลุ่มของสื่อออกมาเป็น 3 กลุ่มได้แก่
1. แอพลิเคชั่นรูปแบบเสริมการเรียนรู้ (Learning Media)
2. แอพลิเคชั่นรูปแบบเสริมการสอน (Instruction Media)
3. แอพลิเคชั่นแบบสร้างองค์ความรู้ (Construction Media)
เป้าหมายของสื่อที่จะนำไปใช้คือ เด็กๆ ในช่วงชั้นที่ 1 และช่วงชั้นที่ 3 จะเป็นวิชาอะไรก็ได้ ซึ่งผลงานจะต้องสามารถทำงานได้บน Android 4.0.x ผลงานอาจจะอยู่ในรูปแบบของ Android App (apk) หรือในรูปแบบ HTML (HTML5) ได้ อ้อที่สำคัญ App ที่ส่งเข้าประกวดและผ่านการคัดเลือกจะได้ขึ้นไปอยู่บน EduStore ที่ให้บริการโดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) อีกด้วยน่าสนุกดีครับ

บันทึกเดินทางในโครงการ OTPC แท็ปเล็ตเด็กป.1

ผมโดนเรียกตัวให้ไป Shenzhen ประเทศจีน ในโครงการ OTPC (แท็ปเล็ต เด็กป.1) อย่างกระทันหัน ก็เลยจำเป็นต้องเก็บของและจำใจไป T_T ทีมคนไทยที่ไป มี เจ๊แคท (ผู้จัดการทีม), พี่คลิม (ผู้พัฒนา LSystem) และผม (ตัวแทนจาก SIPA ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องไปทำไมเหมือนกัน) เจ๊จองตั๋วให้ทีมงานไปลงที่ฮ่องกงก่อนแล้วหาทางไป Shenzhen กันอีกที ประมาณว่าไปตายเอาดาบหน้า ~ โคตรเสี่ยงชีวิตเลยเกิดหลงทางทำไงเนี่ย ผมก็เลยต้องหาแผนที่และข้อมูลต่างๆ เอาไว้กันพลาด เช่น การเดินทาง, ค่าเงิน, เวลา, สภาพอากาศ ฯลฯ เตรียมแลกเงินแต่ก็ไม่ได้แลกเพราะว่าเจ๊แคทยังงงอยู่ว่าจะไปวันไหนดี มีเวลาเตรียมตัวอยู่ 2 วัน ซึ่งตอนแรกคิดว่าได้เลื่อนไปวันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2555 แต่ก็โดนเลื่อนมาเป็นวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555 แทน พี่วิรัตน์โทรหาผมตอนเช้าวันอาทิตย์มาเบรคผมว่าอย่าเพิ่งไปเร็วนักเดี๋ยวเอาซอฟต์แวร์ไปให้ตอนเช้า ผมก็เลยได้นั่งรอ ได้ DVD 1 แผ่น CD 1 แผ่น Thumbdrive 1 อัน SD Card อีก 1 อัน ซอฟต์แวร์การศึกษานี่มันเยอะจริงๆ ครับ 😛 พี่วิรัตน์อาสาไปส่งผมที่สนามบินแถมบอกว่าไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ ไปสักวันจันทร์ก็ไม่มีปัญหาอะไรจะได้มีเวลาเตรียมตัวเยอะๆ สำหรับผมยังงงๆ อยู่ว่าทำไมต้องรีบไปจีน รอทางจีนทำ Sample มาให้ใหม่แล้วค่อยส่งเครื่องไปจีนสั่งผลิตก็ได้ เอาเป็นว่าโดนให้ไปก็ต้องทำใจล่ะครับ พอไปถึงสนามบินก็ต้องรออีกเหมือนเดิม เพราะผมไม่มีตั๋ว, หนังสือเดินทาง แถมขึ้นเครื่อง TG หมายเลขอะไรก็ไม่รู้ ของอยู่ที่เจ๊หมดซึ่งต้องรอเจ๊เหมือนเดิม T_T ก็เลยไปกินข้าวอร่อยๆ ที่ S&P กันก่อน ก่อนที่จะไม่ได้กินข้าวอร่อยๆ อย่างนี้อีก เพราะที่จีนกินข้าวกันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ (ผมไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาหารการกินที่โน่น)
นั่งเล่นที่ S&P เดินเล่นที่สนามบิน เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง ใกล้เวลา Check-in เข้าไปทุกที เจ๊แคทกับคลิมก็เดินมาตรงช่อง TG ฝั่งขาออกต่างประเทศ ที่ผมกับพี่วิรัตน์รออยู่ พอเจ๊มาถึงก็เริ่มถกเถียงเรื่องเพลง, เนื้อหา, LO ฯลฯ ที่ยังไม่ครบเรียกได้ว่าดังจนคนรอบข้างหันมามอง ผมก็เลยตัดบทว่า “ผมกลับบ้านล่ะนะ” แต่เจ๊ก็ลากผมเข้าไปในการสนทนาอันดุเดือดจนได้ T_T ผมคิดในใจว่าต้องเจออย่างนี้อีกหลายวัน “ตายแน่ๆ น่าจะเอาที่อุดหูมาด้วย” หลังจากตกลงกันได้ พี่วิรัตน์ยกธงขาวยอมแพ้ ก็เลยได้ไปหาช่อง Check-in เพื่อโหลดกระเป๋า รับตั๋ว พี่วิรัตน์ยังเป็นห่วงพวกเราอยู่ เพราะเดินทางกระทันหันแล้วไปถึงที่ฮ่องกงตอน 2 ทุ่มซึ่งที่โน่นมืดแล้วจะเดินทางลำบาก อีกอย่างไปถึงสนามบินฮ่องกงแล้วจะไป Shenzhen ยังไงก็ไม่รู้ และที่สำคัญที่ฮ่องกงยังพอมีคนพูภาษาอังกฤษบ้าง แต่ที่จีนไม่พูดภาษาอังกฤษเลย T_T ยิ่งทำให้ผมเครียดมากกว่าเดิมอีก เจ๊แคทกับคลิมไปแลกเงิน (ที่คาดว่าจะได้ใช้ที่ฮ่องกงและที่จีน) ส่วนผมได้คุยกับ Stacy พนักงานของทาง SCOPE ซึ่งพูดภาษาอังกฤษฟังไม่ค่อยชัดนักว่าจะส่งข้อมูลการเดินทางมาให้ทาง SMS ถ้าสงสัยอย่างไรก็โทรมาได้ ผมก็บอกได้แค่ว่า “Thank you” แล้วก็รีบจดเบอร์โทรศัพท์ของ Stacy ไว้ในสมุดโน้ต
ถึงเวลาต้องเดินเข้าไปตรวจกระเป๋า ครั้งนี้ผ่านสบายๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องโดนตรวจอะไรบ้าง ก็เลยเอาออกมากองในอีกถาดหนึ่งให้เขาตรวจ หลังจากผ่านการตรวจกระเป๋าไปได้ ก็ถึงด่านที่ผมกลัวมากที่สุดคือ ตรวจคนเข้าเมืองหรือ ตม. นั่นเอง สาเหตุที่ผมกลัวก็คือ ตอนที่ไปทำ Passport พนักงานให้ผมเซ็นต์ชื่ออยู่ 3 รอบ เพราะว่าลายเซ็นต์อ่านรู้เรื่อง (เอ่อก็ผมเซ็นต์แบบนี้นี่นา) ก็เลยต้องบิดข้อมือเซ็นต์อีกหน่อย ทำให้เวลาเซ็นต์ชื่อใน Departure Card จะไม่ตรงกับ Passport มากนัก ผมเดินเข้าไปช่อง e-passport เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่ตรวจเยอะ ปรากฏว่า scan passport ไม่ผ่าน 😉 ผมโคตรดีใจเลยโบกมือบ๊ายบายเจ๊บอกเป็นนัยว่าผมไม่ได้ไปแล้วนะ แต่เจ้าหน้าที่ ตม. ก็ใจดีให้ผมไปเข้าอีกช่องนึงที่ใช้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารแทน T_T เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องตรวจไม่ฉลาดใช้คนตรวจดีกว่าเยอะ ผมก็เลยได้ไปจีนอย่างหน้าชื่นอกตรม ก้มดูหลายเลข Gate ที่ตั๋ว ผมก็ดิ่งไปที่ Gate เลย เริ่มเบื่อและเซ็งชีวิต (เพราะไม่มีตังค์ซื้อของแถว Kingpower เพราะมันแสนจะแพง เห่อๆ) พอเดินถึง Gate เจ๊แคทโทรมาถามว่า “อยู่ไหน ไม่กินข้าวเหรอ” เอ่อผมกินข้าวที่ S&P เดินเล่นทั่วสนามบินรอเจ๊เกือบ 3 ชั่วโมงแน่ะ จากที่นั่งเซ็งๆ หันไปเจอคุณป้าที่นั่งข้างๆก็เลยถามทางซักหน่อย ถ้าไปถึงฮ่องกงแล้วจะไปที่ Shenzhen ได้ยังไง คุณป้าทำหน้างงๆ แล้วเรียกลูกชายมาคุยกับผม ผมก็เลยบอกว่าผมต้องไป Shenzhen ผมจะไปได้ยังไง เพราะ Stacy บอกว่าให้ขึ้น Mini Bus ไป ลูกชายป้าทำหน้างงๆ เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่า “มันไม่มี Mini Bus โว้ย” แล้วบอกต่อว่าให้ใช้บริการ Airport Transport Services แทนผมเริ่มงงๆ แล้วมันขึ้นตรงไหนวะเนี่ยไอ้บริการ Airport Transport Services เนี่ย T_T Continue reading

มีอะไรใน Rockchip Research Lab

ผมทำงานที่ Rockchip Research Lab อยู่ได้เกือบๆ 5 วัน เพราะมีอยู่ 1 วันต้องไปที่โรงงาน และคิดว่าไม่ต้องมาที่ Lab แล้ว ไหนๆ ก็อยู่ที่ Lab ตลอดก็เลยอยากเล่าว่าใน Rockchip Research Lab มีอะไรบ้าง ถ้าใครไม่รู้จัก Rockchip ให้เข้าเว็บไซต์ http://www.rock-chips.com ดูครับแล้วจะทราบว่าที่นี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว Rockchip เป็นบริษัทที่ออกแบบและพัฒนาโพรเซสเซอร์ ออกแบบบอร์ด สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Smart Phone, Mobile Phone, เครื่องเล่น MP3, GPS, E-Book Reader และ Tablet หากใครเห็นรหัส CPU ที่ขึ้นต้นด้วย RKXXXX แล้วละก็ให้เดาได้เลยว่ามาจากที่นี่แหละครับ สำหรับสำนักงาน Rockchip ตั้งอยู่ที่ตึกของ Tencent (บริษัทที่ทำ QQ Instance Messenger นั่นแหละ) แต่ไม่ได้อยู่ตึกสำนักงานใหญ่ของ QQ นะครับ แต่อยู่ตึกข้างๆ กัน บนชั้น 21 ภายในสำนักงานประกอบไปด้วยฝ่ายต่างๆ ก็เหมือนบริษัททั่วๆ ไป แต่ที่ที่ผมไปทำงานอยู่คือห้องสำหรับให้ลูกค้าของ Rockchip นั่งทำงาน เป็นห้องที่มีโต๊ะกั้นพาทิชั่นเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน เหมือนเป็นห้องทำงานของทีมงานเราเองเลย และที่สำคัญประตูที่กั้นระหว่างเรากับอีกห้องหนึ่งคือ Research Lab ที่วิศวกรของ Rockchip ทุกคนทำงานอยู่ที่นั่น ซึ่งผมมองดูวิศกรของ Rockchip แล้วยังเด็กๆ กันอยู่เลย อายุน่าจะประมาณ 20-28 ปีกันทั้งนั้น ทุกคนทำงานตั้งแต่ 8.30-23.00 พัก 12.00-14.00 ถัดจากห้อง Lab ของทีมเราไป 1 ห้อง มีห้องสันทนาการ คือ โต๊ะปิงปอง ใครไม่มีงานเร่งก็อาจจะมาตีปิงปองคลายเครียดกัน เห็นแล้วก็น่าสนุกดีครับ
IMG_2271 Continue reading

พูดผ่านตัวอักษร

ผมทราบว่าปัญหาในการสื่อสารระหว่างทีมไทยกับทีม Rockchip และ SCOPE เป็นปัญหามาก เพราะต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยล่ามจะต้องพยายามแปลให้เรา แต่ปัญหาคือล่ามไม่ใช่คนเทคนิคดังนั้นศัพท์เทคนิคจึงไม่เข้าใจ วิธีการที่ดีที่สุดคือการเขียน ผมเลยฝากหลี่ถ่ายภาพที่ผมกับหลิวเผ่ยคุยกันผ่านกระดาษ

 

สุดยอดวิศวกรที่ Rockchip Research Lab

ว่าจะเขียน Blog เรื่องมาที่ Shenzhen แต่ไม่ได้เขียนซักทีเพราะว่าไม่ได้มีเวลาว่างซักที ผมเข้ามาทำงานที่ Rockchip Research Lab เนื่องจากทาง SCOPE ใช้ Rockchip เป็น CPU ของตัว Tablet และ ICS ROM ก็มาจากที่นี่ ดังนั้นคนที่สามารถแก้ปัญหาให้เราได้คือ Rockchip Research Lab ดังนั้นเราก็ต้องมาทำงานที่นี่ วันนี้เป็นวันที่ 2 แล้วที่พยายามแก้ปัญหาในการเอาโปรแกรม (Apk) ใส่ลงใน Tablet ของ SCOPE โดย build รวมกับ System Image เราพยายามเลือก App ที่ไม่เกิดปัญหาเมื่อทดสอบกับ ICS ของ Scope แต่กลับเกิดปัญหาจุกจิกที่ไม่น่าเกิดขึ้น เช่น เอา APK เข้าไปที่ system Image แล้วไม่ทำงาน ซึ่งมีหลายโปรแกรมมีปัญหาแบบนี้ ซึ่งวิศวกรของ Rockchip ก็พยายามแก้ปัญหาให้เราและก็ทำงานอยู่กับเราตั้งแต่ 8.00 – 23.00 น. ทุกวัน อีกประเด็นหนึ่งซึ่งทางวิศวกรของที่นี่แทบจะไม่อยากได้ยินคือ Full Screen Mode ใน Android 4.0 ซึ่ง AOSP ต้นฉบับมี Policy ไม่อนุญาติให้ทำเป็น Full Screen เนื่องจาก Tablet หรือ Mobile Phone ที่ Google ทำจะไม่มี Hard Button ดังนั้น การแสดงผล Navigation Bar มีประโยชน์มากๆ แต่โปรแกรม Learning Object ที่ได้มาจากกระทรวงศึกษาเป็น Flash ถ้าแสดงผลไม่เต็มหน้าจอ การแสดงผลจะแย่มากและไม่สามารถทำงานได้ถูกต้อง ดังนั้นการทำให้ Android 4.0 แสดงผล Full Screen และสามารถปรับโหมดการแสดงผล Full Screen ในหลายๆ แบบได้จึงเป็นเรื่องที่ “ยากสุดๆ” ลำพังแค่ Build Image ให้ไม่มีปัญหาก็ยากพอแล้ว พอเขามาเจอปัญหาแบบนี้อีกก็ “แทบบ้า” เพราะมันเป็นปัญหาที่แปลกประหลาดไม่มีใครทำ ซึ่งคนที่พยายามทำมีเพียงรายเดียวคือ Ainol ซึ่งผมให้ Ainol อ้างว่า “Ainol ทำได้แล้วทำไม Rockchip Reseach Lab ทำไม่ได้”
ผมนับถือความพยายามในการแก้ปัญหาให้ได้ เหมือนเป็นการแข่งกับตัวเอง “ถ้าเขาทำได้เขาเก่ง” แตกต่างกับคนไทยที่เมื่อทดลองทำแล้วไม่ได้ผลก็จะ “โทษคนอื่น” หรือผิดพลาดอะไรก็พร้อมที่จะ “เยียบซ้ำ” ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกับที่ Shenzhen มาก วิศวกรทุกคนพยายามแก้ปัญหาให้ลูกค้าและทำงานเป็นทีม ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่อง “ภาษา” เพราะทีมงานจากไทย “พูดภาษาจีนไม่ได้ ฟังภาษาจีนไม่ออก ภาษาอังกฤษพูดได้บ้างเขียนได้บ้าง” แต่สำหรับทีมงานที่ Rockchip ต้องเป็น “ภาษาจีนเท่านั้น” เรามี “ล่าม” คือน้องหลี่พนักงานของ SCOPE ที่พยายามอธิบายปัญหาซึ่งน้องเองก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาเทคนิคที่เราพยายามสื่อสาร แต่น้องเขาก็พยายามที่จะสื่อสารให้ทีมวิศวกร Rockchip เข้าใจ ซึ่งบางอย่างก็อธิบายอยู่นานกว่าจะเข้าใจตรงกัน เป็นการทำงานที่เหนื่อยมากเพราะต้องพยายามอธิบายและหาวิธีแก้ปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาให้ทีมจีนเบื้องต้น เพื่อให้ทีมวิศวกรจีนเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหาร่วมกันได้ ถ้าในเรื่องการ debug code และการแก้ปัญหาของทีม Rockchip ที่นี่มีอุปกรณ์แปลกๆ เยอะ เช่น circuit debuger, build server (ใช้ Ubuntu 10.04.3) เป็นต้น ผมบอกได้อย่างเดียวว่าที่ Rockchip มีแต่ “Hacker” ทุกคนทำคนละหน้าที่ Hack เพื่อสร้าง Hardware, Hack เพื่อแก้ไข AOSP, Hack เพื่อทำ App ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งในกรณีของเราเป็นกรณีที่วิศวกรของ Rockchip แทบจะคลั่งกันเลยทีเดียว วิศกรที่นี่กัดไม่ปล่อย ไม่ยอมแพ้กับปัญหา พยายามแก้ปัญหาให้ ถึงแม้ว่าจะยากหรือไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม ปัญหาบางอย่างผมไม่เห็นด้วยซึ่งผมพอจะทราบว่ามันใช้เวลามาก มันยากมาก และมันดูงี่เง่า แต่ผมอยากจะบอกแค่ว่าถ้าคุณอยากเห็น “Hacker” แบบตัวเป็นๆ ให้มาที่ Shenzhen ให้มาที่ Rockchip Reseach Lab ให้มาดูเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงของที่นี่ ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไร แต่ผมซึ้งในความตั้งใจและความทุ่มเทของเขามาก อยากบอกแค่ว่า “ขอบคุณ” จากใจจริงครับ

Tablet เด็ก ป. 1 ของจริง

เมื่อวานทาง SCOPE ได้เอาเครื่องต้นแบบที่จะแจกเด็ก ป.1 มาให้ดู มีจุดสังเกตุที่เปลี่ยนไปดังนี้
1. ตัวเครื่องออกแบบแตกต่างไปจากของเดิมเล็กน้อย สัดส่วนดูเป็น Tablet 7 นิ้วมากขึ้น
2. ตัวเครื่องเป็นวัสดุคล้ายอลูมิเนียมสีเทาอ่อนด้านๆ
3. ขอบเครื่องแข็งมาก กันกระแทกได้เป็นอย่างดี
4. แก้ปัญหา Wifi แล้วด้วยการวางเสาสัญญาณเป็นชิ้นเดียวกันกับตัวเครื่อง แต่แยกกรอบเป็นสีดำเห็นชัดเจน
5. มีกล้องหน้า 2M ไม่มีกล้องหลัง
ภาพตัวเครื่อง

ด้านหน้า มีฟิลม์กันรอยมาให้ด้วย Continue reading

ต้นแบบ Tablet เด็ก ป.1

บังเอิญได้อ่านข่าวจาก Ubuntu Club เห็น คุณมะระ เอา ScoPad มาโชว์ก็เลยคิดว่าตัวโปรแกรมข้างในมันเสร็จหรือยัง ซึ่งผมคิดว่าโปรแกรมเสร็จแล้วซะอีก (เข้าใจว่าเป็นตัวที่ยังทำส่วน Multimedia ไม่เสร็จ) แต่ดู UI ใหม่ที่แก้กันหลายรอบก็พบว่าใช้ได้เลยครับ แต่แหม “ครูแคท” คนที่เป็นคนออกแบบ UI เนี่ย ใครได้พบและทำงานด้วยจะรู้ว่าครูแคททำงานได้ละเอียดมาก เนี๊ยบมากๆ แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ปล่อยผ่าน แถมปรี๊ดแตกได้อย่างรวดเร็ว เพราะต้องการงานที่เพอร์เฟก โดยเฉพาะงานนี้ครูแคทไม่ได้ทำเพื่อเด็กๆ ในประเทศเท่านั้น แต่ครูแคททำเพื่อลูกกันเลยทีเดียว
เบื้องหน้าเบื้องหลังของ โครงการ Tablet นี้ถูดโยนไปโยนมาทั้งกระทรวง ICT, กระทรวงศึกษา และ SIPA ซึ่งภายหลังกลายเป็นต้องมาช่วยกันทำช่วยกันทดสอบ แต่การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทำให้เห็นความสามัคคีมากๆ โดยเฉพาะคนทำงานและบุคคลที่ต้องยกย่องก็คือครูแคทที่อดหลับอดนอนหลายอาทิตย์ตรวจสอบและแก้ไข “ผลงาน” ที่ทางกระทรวงศึกษาพยายามเอามายัดใส่ลงใน Tablet ให้เด็กๆ ทั่วประเทศได้ใช้งานกัน และยังต้องออกแบบ UI และพัฒนาโปรแกรมบน Tablet ด้วย นอกจากนี้ต้องขอบคุณหลายๆ ท่านที่ร่วมกัน Contribute “ผลงาน” มาให้ อันนี้ซึ้งใจจริงๆ ครับ (ผมขอไม่ใช้คำว่าบริจาคนะครับดูไม่ยิ่งใหญ่เท่าไร) ดูวิดีโอรีวิวซอฟต์แวร์ Tablet เด็ก ป.1 ข้างล่างครับ